รัฐบาลยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตย รู้ทันแกนนำม็อบ ลั่นไม่ยอมให้เกิดปฏิวัติ
“จิรายุ” ยัน รัฐบาลยืนหยัดทำหน้าที่ปกป้องประชาธิปไตย รู้ทันแกนนำชุมนุมเรียกหารถถัง หวังล้มกระดานการเมืองไทย ลั่น ไม่ยอมให้เกิดการปฏิวัติ ขอประชาชนร่วมใจต่อต้าน ไม่ทำประเทศบอบช้ำมากกว่านี้
วันที่ 29 มิถุนายน 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การชุมนุมเมื่อวานที่ผ่านมา (28 มิถุนายน 2568) เป็นสิทธิในการแสดงออกตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่ในส่วนของเนื้อหาการปลุกระดมและปราศรัยของแกนนำผู้ชุมนุมนั้น ในยุคที่ประเทศไทยผ่านร้อนผ่านหนาวมา 93 ปีของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนั้น เห็นเป็นทฤษฎีของประเทศไทยแล้วว่า การปฏิวัติรัฐประหารไม่เคยเป็นคำตอบที่ใช่เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ละครั้งมีแต่จะฉุดรั้งให้ประเทศถอยหลังลงคลองมาทุกยุคทุกสมัย เชื่อว่าหากมีการปกครองด้วยระบอบรัฐประหารอีก ไทยจากประเทศกำลังพัฒนา คงจะถูกปรับไปเป็นประเทศด้อยพัฒนาในภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า แกนนำหลายคนที่เรียกร้องหารถถังบนเวที เป็นสิ่งที่คนไทยและประเทศไทยไม่อาจยอมรับได้ แกนนำหลายคนในอดีตปากเคยบอกว่าขอต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหารจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเป็นอย่างไร จึงขอเรียกร้องให้คนไทยทั้งประเทศร่วมกันต่อต้านแนวทางดังกล่าวและรู้ทันบุคคลเหล่านี้ ที่แสวงหาอำนาจจากการปฏิวัติยึดอำนาจมาตลอด 20 ปี ที่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนต่างเจ็บปวดและเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้จากการเรียกร้องของคนกลุ่มเดิมๆ
“รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชน นอกจากมีหน้าที่จะต้องปกป้องอธิปไตยของประเทศแล้ว ยังมีหน้าที่หลักสำคัญที่จะต้องปกป้องอำนาจอธิปไตยของประชาชนคนไทยทุกคน เราจะรวมใจกันแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันว่าจะไม่สนับสนุนการทำปฏิวัติรัฐประหาร และจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศนี้ได้อีก”
โฆษกรัฐบาล ระบุอีกว่า จากเนื้อหาการปราศรัยเห็นอย่างชัดเจนว่าแกนนำพร้อมที่จะดึงประเทศถอยหลังลงคลองโดยไม่สนใจประชาชนกว่า 70 ล้านคน จะเป็นจะตายหรือจะอยู่กันอย่างไร ท่ามกลางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศ ในภูมิภาค และระดับโลกที่รุมเร้า อีกทั้งการปราศรัยทำให้เห็นความเชื่อมโยงของแกนนำที่สอดรับกับผู้นำกัมพูชา ที่ยุยงปลุกปั่นและก้าวล่วงแทรกแซงคนไทยและประเทศไทยมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ว่าจะสามารถยิงขีปนาวุธได้ถึงกรุงเทพมหานคร
การกล่าวว่ารัฐบาลปฏิวัติของไทยสามารถทำงานร่วมกันกับตนเองได้โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายได้อย่างราบรื่น ล้วนแล้วแต่สอดรับกับคำปราศรัยและแนวทางที่กลุ่มแกนนำผู้ชุมนุมมีความประสงค์จะโค่นล้มรัฐบาลหรือให้มีการปฏิวัติรัฐประหารอันนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ และการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ รัฐบาลจะยืนหยัดในการธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ ที่ร่วมกันต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหารได้จับมือประสานกันรณรงค์เพื่อต่อต้านกลุ่มบุคคลที่เรียกร้องให้ทำการปฏิวัติรัฐประหารเพื่อไม่ให้ประเทศไทยบอบช้ำไปมากกว่านี้.